และแล้วหลังจากที่ปล่อยบิ๊กไบค์รุ่นใหญ่ออกมาให้ได้เชยชมกันแล้ว ถือว่าจัดเข้ามาในวงการบ้านเราเร็วมากๆ กับเจ้า Kawasaki ZX-10R 2016 ที่ก็ทำเอากระเป๋าสตางค์ของไบค์เกอร์หลายๆ คนอยากจะทะลุออกมาจับจองเป็นเจ้าของซะจริงเลย…
ล่าสุดวันนี้ทางค่ายยักษ์เขียวบอกกับเราว่า ไม่ใช่มีแต่เพียงบิ๊กไบค์เท่านั้น เรายังมีสายอื่นๆ ให้ไบค์เกอร์เลือกใช้ตามความเหมาะสมแต่ก็ยังคงคอนเซปความเท่ห์ ความดุ ความโหดไว้ได้เหมือนเดิม…กับเจ้า Kawasaki J125 2016 คันงามคันนี้ที่ใหญ่บิ๊กบึ้มนั่นเอง
ถ้าจะมาเปรียบมวยกับบิ๊กสกุ๊ตเตอร์ในบ้านเรากับคลาสตลาด 125 – 150 ซีซีแล้วละก็ คงจะต้องบอกว่าเจ้า Kawasaki J125 2016 คันนี้คงจะอยู่ในระดับชั้นของเจ้า Honda PCX150 และ Yamaha NMax อย่างแน่นอนเพราะดูจากรูปลักษณ์และดีไซน์แล้ว ถ้าให้ไปอยู่ในหมวดของกลุ่มรถ 125 ซีซีแล้วละก็ คงจะไม่ถูกต้องเป็นแน่….
ล่าสุดเอง มีข่าวคราวว่ารุ่นนี้อาจจะได้เข้ามาโลดแล่นอยู่ในตลาดมอเตอร์ไซค์ในบ้านเราด้วยหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังไม่มีการคอนเฟิร์มแต่อย่างใด แต่ถ้ามาจริงๆ เชื่อว่าคงสร้างยอดขายได้ดีไม่น้อยเหมือนตลาดกลุ่มบิ๊กไบค์แน่ๆ เรียกว่าเปิดโอกาสให้ทั้งกับทางค่ายต้นสังกัดและก็ไบค์เกอร์ผู้ที่ชื่นชอบความใหญ่ในแบบฉบับของรถ AT แม้ว่าทางแอดมินเองจะแอบเชียร์ให้เปลี่ยนบล็อกเครื่องยนต์จาก 125 เป็น 150 ก็ตามทีเพราะถ้าได้ตามที่คิดเอาไว้ ก็ไม่มีอะไรจะต้องติกันแล้วจร้า….
เรามาดูกันที่รูปลักษณ์ดีไซน์ของเจ้า Kawasaki J125 2016 คันนี้กันก่อนเลย ดีไซน์ต้องแต่แรกเห็น หากจะมองเพียงด้านหน้าอย่างเดียวก็นึกว่ามันเป็นบิ๊กไบค์รุ่นใหญ่ เพราะว่าถ้าย้อนกลับไปในเรื่องของต้นแบบการออกแบบนั้นเจ้า Kawasaki J125 2016คันนี้มันได้รับการถ่ายทอด DNA มาจากเจ้า Kawasaki J300 บิ๊กสกุ๊ตเตอร์รุ่นพี่…. โดยเจ้าคันนี้มันมีความโดดเด่นที่ไฟหน้าเป็นแบบเรียวคู่หยดน้ำสุดโหด แถมมีตำแหน่งของชิลล์หน้าที่ใหญ่มากๆ เรียกว่า ช่วยในเรื่องของการรับแรงกระแทกจากลมถึงผู้ขับขี่ได้อย่างสบาย ถัดมาก็จะเป็นในส่วนของตำแหน่งของไฟเลี้ยว ที่มีการจัดวางแยกส่วนได้อย่างสวยงามลงตัว อยู่บริเวณด้านล่างของตัวตำแหน่งไฟหน้าเพียงเล็กน้อยแต่แยกซ้ายขวาอย่างชัดเจน นอกจากนี้ตัวแฮนด์บาร์เองก็จัดว่าออกแบบได้ทันสมัย มองดูในเรื่องของชุดเรือนไมค์เองก็ไม่ธรรมดา เพราะเป็นเรือนไมล์แบบแยกฟังก์ชั่นการทำงานชัดเจน ง่ายต่อการใช้งาน มีชุดจอดิจจิตอลอยู่ตรงกลางแบ่งแยกระหว่างชุดเรือนไมล์แบบเข็มวัด เรียกว่าผสมผสานกันได้ดีจนลงตัว
ตัวชุดแฟร์ริ่งนั้น ถือว่าออกแบบมาให้เข้ากับตัวดีไซน์ด้านหน้า มาพร้อมกับที่วางเท้าขนาดใหญ่ เรียกว่าวางเท้าได้สบายๆ ส่วนในเรื่องของเบาะนั่งเองก็ไม่ธรรมดา เล่นลายทูโทน เป็นเบาะนั่งรูปทรงขนาดใหญ่ แบ่งระดับของตำแหน่งผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายได้อย่างชัดเจน แถมยังสวยงามเข้ากับดีไซน์ของตัวรถ ที่บริเวณใต้เบาะนั่งเอง ยังมาพร้อมที่เก็บสัมภาระใต้เบาะขนาดใหญ่ ซึ่งในส่วนนี้สามารถจัดเก็บหมวกกันน็อคแบบเต็มใบได้แบบสบายๆ พร้อมช่องเก็บของกระจุกกระจิก ที่ตำแหน่งใต้แฮนด์บาร์ ก็ยังมาพร้อมช่องจ่ายไฟขนาด 12V มาให้เรียกว่าสะดวกสบายทุกการขับขี่และเดินทาง…
ระบบไฟต่างๆ ของเจ้า Kawasaki J125 2016 คันนี้ เป็นแบบ LED ทั้งด้านหน้าและไฟท้าย ซึ่งแน่นอนว่าให้ความรู้สึกอารมณ์สปอร์ตมากๆ เรียกว่างานนี้ในเรื่องของรูปลักษณ์ดีไซน์ของเจ้าคันนี้ทางค่ายยักษ์เขียวถือว่าทำการบ้านมาได้เป็นอย่างดี อาจจะเป็นเพราะส่วนหนึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากเจ้า Kawasaki J300 มาอยู่แล้วจึงเป็นโจทย์ที่ไม่ยากเย็นสักเท่าไร
มาดูกันต่อในเรื่องของพละกำลังและความปลอดภัยกันบ้าง ?
Kawasaki J125 2016 คันนี้อย่างที่บอกไปแล้วเมื่อตอนต้นว่ามันมาพร้อมกับบล็อกเครื่องยนต์ที่บางทีอาจจะขัดใจเพื่อนๆ ไปนิด เพราะมาเพียง 125 ซีซีเท่านั้น แบบสูบเดียว พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ แต่สำหรับระบบช่วงล่างของคันนี้ทางค่ายต้นสังกัดเองมั่นใจว่านิ่มสุดๆ เรียกว่าต้องทดสอบกันเลยทีเดียว บล็อกเครื่องยนต์คันนี้ถึงแม้จะมีแค่ 125 ซีซีเท่านั้นแต่กระนั้นมันสามารถให้พละกำลังแรงม้าได้มากถึง 13.8 แรงม้ากันเลยทีเดียว แถมความจุของตัวถังน้ำมันเองก็ใหญ่จุได้มากถึง 13 ลิตร แต่ก็ยังแอบกังวลในเรื่องของการใช้งานในระยะยาวอยู่ไม่น้อยเพราะมันต้องแบบรับน้ำหนักตัวที่มากว่า 182 กิโลกรัมหากมีผู้ขับขี่และผู้โดยสารอยู่ด้วย….
ถัดมามาดูกันต่อในเรื่องของเทคโนโลยีและความปลอดภัยที่เจ้าคันนี้ให้มากันตั้งแต่โรงงานกันเลย เริ่มจากระบบเบรคของเจ้าคันนี้ เลือกใช้เป็นระบบเบรกเป็นแบบดิสก์เบรก ที่ด้านหน้าเลือกใช้จานเบรกไซส์ 260 มม. ส่วนด้านหลังจะเป็นจานเบรกไซส์ 240 มม. พร้อมคาลิปเปอร์แบบ 2 ลูกสูบ ที่ตัวก้านเบรกเองสามารปรับระดับได้ เสียดายไปหน่อยตรงนี้สำหรับ Kawasaki J125 2016 ไม่มีระบบเบรก ABS ใส่มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนของขอบล้อที่ให้มาเจ้าคันนี้ ที่วงล้อด้านหน้าเป็นวงล้อขนาด 13 นิ้ว ส่วนด้านหลังเป็นขนาด 14 นิ้ว ส่วนระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นโช้คอัพแบบเทเลสโคปิค ส่วนด้านหลังเป็นโช้คอัพแบบคู่ที่สามารถปรับค่าพรีโหลดต่างๆ ได้มากถึง 5 ระดับกันเลยทีเดียว เรียกว่าไปไหนมาไหนไม่ต้องห่วงเรื่องของการขับขี่และฟิลล์ลิ่งที่นุ่มนวลนั่นเอง…
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก : motoroids.com
กระแสความร้อนแรงจากงานมอเตอร์โชว์เมืองนอก
Comments
